วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

วัดพระธาตุดอยสุเทพ ถนนคนเดินท่าแพ พระธาตุดอยคำ






อยากไปกราบสักการะมานานมากกก เนื่องจากเป็นพระธาตุประจำปีเกิด (มะแม) แต่ก็ไม่สบโอกาส ไม่มีเพื่อนไป (ไม่มีตังไป 55)

คราวนี้มีโอกาสสมใจ ได้ไปซักที


ขึ้นบันไดไปนะคะ ลงภาพที่ถ่ายลงด้านล่าง จะได้ไม่ต้องเบลอหน้าคน ส่วนเพื่อนที่ไปด้วย นางขึ้นลิฟต์ค่ะ 5555

306 ขั้น

ใกล้ถึงแล้ว เบลอภาพคน เลยเบลอมันทั้งรูปเลย


ลงประวัติของพระธาตุสักหน่อย 

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา มีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำประทักษิณสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้โปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ
ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร  (ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร) 


ที่จริงบริเวณวัดยังมีให้ชมและสักการะอีก แต่ด้วยเวลาจำกัด (คือเย็นมากแล้ว) และเพลียร่างด้วย ก็เลยกลับกันก่อน ขากลับลงลิฟท์ค่ะ เพื่อนอีกคนนางขอแลก เนื่องจากนางอยากลงบันไดบ้าง ไม่ได้ถ่ายลิฟท์มา เพราะลืม เลยได้ถ่ายแต่รางลิฟท์ (ที่จริงเค้าเรียกว่ารถรางรึเปล่า แต่ดิชั้นว่าลักษณะเหมือนลิฟท์ที่ลงแบบเอียง)




มาต่อถนนคนเดินท่าแพนิดหน่อยค่ะ เป็นถนนคนเดินวันอาทิตย์

อยู่บริเวณประตูเมืองท่าแพต่อไปยังถนนราชดำเนิน เป็นถนนคนเดินที่ดังและใหญ่ที่สุดมีวันอาทิตย์ตอนเย็นเปิด เฉพาะ วันอาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00 - 22.00 น. เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ มีสินค้าให้เลือกสรร มากมายหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าทางวัฒนธรรม เช่น สินค้าพื้นเมือง จำพวกเครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้า ของที่ระลึก กระเป๋า ผ้าพันคอ โคมไฟ ฯลฯ หรือจะเป็นสินค้าแฟชั่นก็มีให้เห็นอยู่โดยทั่วไป รวมทั้งของกิน เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว/น้ำยา ของ ทานเล่น โรตี ฯลฯ หากมาเยือนในช่วงอากาศหนาว ๆ เดินเที่ยวกาดกลางคืน ถนนคนเดินเชียงใหม่ก็เพลิดเพลินไปอีก แบบหนึ่ง ซึ่งที่นี่เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่และได้รับ ความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ (ที่มา : http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangmai/walkingstreet.html)



บรรยากาศถนนคนเดิน รูปบนซ้ายคือไข่ป่าม (ไข่นึ่งอันนี้เป็นไส้ไข่มดแดง) บนขวาเป็นแผงลอยขายอาหารซึ่งจะอยู่ในบริเวณวัดตามถนนคนเดิน รูปกลางเป็นสินค้างานฝีมือ ที่เห็นคือชามไม้มะม่วง  รูปล่างซ้ายเป็นกับดักความฝันหรือ dream catcher  รูปขวาล่างเป็นบรรยากาศร้านขายของ 


และสุดท้ายของทริปเชียงใหม่ทริปนี้ "วัดพระธาตุดอยคำ" ซึ่งเพื่อนนางนึงขอมาว่าอยากไปให้ได้ อ่านประวัติกันก่อนค่ะ


วัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร วัดพระธาตุดอยคำปัจจุบันมี พระครูสุนทรเจติยารักษ์ (ครูบาพิณ) เป็นเจ้าอาวาส โดยไม่มีพระลูกวัด
พระเจ้าทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งสร้างในรัชสมัยพญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนจำนวนมากได้ไปบนบานและประสบความสำเร็จตามที่ขอพร โดยการแก้บนจะแก้บนด้วยพวงดอกมะลิ โดยในแต่ละวัน จะมีประชาชนขึ้นไปบนบานมากกว่าร้อยคน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีประชาชนที่ไปบนบานมากกว่าพันคน (ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุดอยคำ)



จบทริปเชียงใหม่ไปอย่างสุขสันต์ ส่วนตัวชอบนะคะ แต่ถ้าไปอีกก็คงไม่ไปช่วงเทศกาล ตอนที่ไป(เดือนกุมภาพันธ์) ก็ไม่ถือว่าเป็นเทศกาลเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้เยอะมาก หรือเพราะเค้าไปเที่ยวตามม่อน ดอย กันรึเปล่าก็ไม่รู้นะ


จบซักทีจะได้เขียนเรื่องอื่นที่ค้างๆ ไว้ได้ละ 


12 มีนาคม 2558

(ไปมาเดือนกว่าละ เพิ่งลงหมด)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น